Monday, March 20, 2017

ISO 9001:2000 ในอุตสาหกรรมอาหาร GMP, HACCP

ประเทศไทย เป็นประเทศเกษตรกรรม ที่พยายามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่มาเจอสภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ดในปี 2540 เอา ซะก่อน ในปัจจุบัน เลยหันมาเน้นกลยุทธ์ใหม่ที่จะเป็นประเทศ อุตสาหกรรมเกษตร ที่ทำการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก โดยผู้ใหญ่บางท่านบอกว่า เราจะเป็นครัวของโลกซึ่งก็น่าจะมีแนวทางที่เป็นไปได้ เพราะจะเห็นได้ว่า ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งหมายรวมถึง อาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต และ การบรรจุ มีจำนวนโรงงานผลิตอยู่มากมายกว่า 9,000 แห่ง ทั้งขนาดเล็ก กลาง และ ใหญ่ และมีมูลค่าการส่งออกต่อปีนับแสนล้านบาท รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศเป็นจำนวนมาก  
ดัง นั้น ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร จะต้องมีระบบการจัดการคุณภาพที่ดี ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อแข่งขันได้ในตลาดโลกกับประเทศอุตสาหกรรมเกษตรอื่นๆ การได้ใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 ซึ่งถือว่าเป็น มาตรฐานสากลที่ยอมรับกันทั่ว ส่งผลให้โอกาสในการแข่งขันทั้งใน และต่างประเทศสูงขึ้น จากจุดดังกล่าวจึงนับเป็นกระแสที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการที่บริษัทจะต้องเริ่มดำเนินระบบให้ได้มาซึ่งการรับรองมาตรฐานดังกล่าว
ในการดำเนินระบบคุณภาพ ISO 9001:2000 จะ มีการมุ่งเน้นที่ การสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และ ประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์กรอันรวมถึง การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักเป็นส่วนที่ขาดหายไปในมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร การประยุกต์ใช้ระบบบริหารคุณภาพ (QMS) นั้น แต่ละองค์กรจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์เฉพาะขององค์กร ชนิดของผลิตภัณฑ์ กระบวนการ รวมไปถึงขนาดและโครงสร้างของแต่ละองค์กรอีกด้วย
การมุ่งเน้นที่กระบวนการ (Process approach) ในระบบ ISO 9001:2000 จะ เป็นตัวชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของระบบต่างๆในธุรกิจได้อย่างลงตัว เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต หน่วยงานต่างๆในองค์กร และ ลูกค้า ทำให้เกิดการดำเนินการได้อย่างราบรื่น
การที่ ISO 9001:2000 มุ่ง เน้นในเรื่องของ การหาความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า นั้นพบว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ลูกค้ามักต้องการหรือคาดหวังเกี่ยวกับอาหารก็คือ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งโดยทั่วไปจะมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารรองรับอยู่แล้ว เช่น HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) หรือ ระบบวิเคราะห์อันตราย และจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม ระบบ HACCP ถูก ใช้เป็นเครื่องมือชี้เฉพาะเจาะจง ประเมิน และ ควบคุมอันตราย ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์อาหาร ระบบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ถึงประสิทธิภาพ และ การประกันความปลอดภัยของอาหารสำหรับผู้บริโภค เพราะสามารถบ่งชี้และควบคุมอันตราย ณ จุดหรือขั้นตอนการผลิต ที่มีโอกาสเกิดขึ้น ได้ดีกว่า การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดตัวอย่าง อีกทั้งยังใช้ประเมินโอกาสในการเกิดจุดอันตรายในจุดที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ถือเป็นการป้องกันปัญหาไปในตัวด้วย
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ FAO, องค์การอนามัยโลก WHO และ Codex Alimentarius Commission ได้จัดทำข้อกำหนด HACCP มี ทั้งหลักการและข้อแนะนำในการใช้ เพื่อให้ประเทศต่างๆ ได้นำมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารต่อไป รวมถึงประเทศไทย ที่ได้มีการประกาศเป็นกฏกระทรวงฯ ฉบับ 2276 (พ.ศ. 2540) เป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ระบบ HACCP แบบสมัครใจ
ระบบ HACCP มีหลักการอยู่ ประการที่ต้องปฏิบัติตามที่ระบุไว้ในมาตรฐาน คร่าวๆ ดังนี้
  1. ดำเนินการวิเคราะห์อันตราย (conduct a hazard analysis)
  2. หาจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (determine the critical control points, CCPs)
  3. กำหนดค่าวิกฤต (establish critical limits)
  4. กำหนดระบบเพื่อตรวจติดตามการควบคุมจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (establish a system to monitor control of the CCP)
  5. กำหนดวิธีการแก้ไข เมื่อพบว่าจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง ไม่อยู่ภายใต้การควบคุม (establish the corrective action to be taken when monitoring indicates hat a particular CCP is not under control)
  6. กำหนดวิธีการทวนสอบเพื่อยีนยันประสิทธิภาพการดำเนินระบบ HACCP (establish procedures for verification that the HACCP system is working effectively)
  7. กำหนดวิธีการจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิธีการปฏิบัติและบันทึก ข้อมูลต่างๆที่เหมาะสม (establish documentation concerning all procedures and records appropriate to these principles and their application)
จึง นับเป็นการบ้านที่ต้องทำอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเครื่อง ดึ่มในการรวมระบบบริหารคุณภาพ ให้เข้ากับ ระบบประกันความปลอดภัยในการผลิตอาหาร เพื่อให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้า และ ประสิทธิผลในการดำเนินงานของตัวบริษัทเอง ซึ่งสามารถยกเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น การบ่งชี้ถึง อันตรายที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการ และ การควบคุมความเสี่ยง ของระบบ HACCP ก็จะถูกระบุไว้ใน การวางแผนคุณภาพ Quality Planning ซึ่งเป็นข้อกำหนดหนึ่งของระบบ ISO 9001:2000 หรือ เมื่อมีการระบุจุดที่จะต้องควบคุม Critical Control Point จากการทำ HACCP ก็จะมีการติดตามตรวจ (Monitoring) ตามข้อกำหนดของ ISO 9001:2000
ในเดือน พฤศจิกายน 2544 ได้มีการจัดทำมาตรฐานนานาชาติฉบับหนึ่งขึ้นมาเป็น แนวทางในการดำเนินระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2000 สำหรับ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คือ ISO 15161; Guidelines on the application of ISO 9001:2000 for the food and drink industry โดย คณะกรรมการเทคนิคชุดที่ ISO/TC 34 เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้นในการดำเนินระบบ ISO 9001:2000 ใน อุตสาหกรรมอาหาร โดยการให้แนวทางในการประยุกต์ ไว้ในแต่ละข้อกำหนด นอกจากนี้ มาตรฐานดังกล่าวยังให้แนวทางในการรวมระบบ กับ มาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เช่น HACCP อีกด้วย
เนื้อหาที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นการถอดความในส่วนของ แนวทางการดำเนินระบบ ISO 9001:2000 ในอุตสาหกรรมอาหารตามที่มาตรฐาน ISO 15161 ได้ให้แนวทางการประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบ HACCP โดยแยกเป็นหมวดหมู่ตามข้อกำหนดของ ISO 9001:2000

ข้อกำหนดทั่วไป (4.1)
มีการใช้ แผนภูมิ flow chart หรือแผนที่กระบวนการ (process map) มา ใช้ในการอธิบายโครงสร้างหรือกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับ คุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร เช่น การวิเคราะห์จุดอันตรายในกระบวนการผลิตอาหาร การควบคุมน้ำหนัก (Weight control), ลุขอนามัย (Hygiene), การมี หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practices, GMP), หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีสำหรับห้องปฏิบัติการ (Good Laboratory Practices, GLP)
คู่มือคุณภาพ (4.2)
จะต้องแสดง ความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับ ระบบ HACCP
การควบคุมบันทึก (4.2.4)
ในอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนใหญ่ การเก็บบันทึกจะยึดตาม อายุของผลิตภัณฑ์ (Shelf life) ที่สั้นที่สุด หรือ อาจจะยึดตามข้อกำหนดกฎหมายเป็นหลัก อาจตั้งแต่ 1-2 วัน ไปจนถึง ปีก็เป็นได้
ความมุ่งมั่นของผู้บริหาร (5.1)
จริงๆ แล้วการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร หรือ การให้การสนับสนุนนั้นเป็นเรื่องทั่วๆไปสำหรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารนั้น ผู้บริหารสามารถแสดงความมุ่งมั่นโดยการเข้าไปมีบทบาทเป็นกรรมการ หรือ ทีมงานในการดำเนินระบบ HACCP
การมุ่งเน้นที่ลูกค้า (5.2)
คำ ว่า ลูกค้า ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อาจหมายถึง ผู้บริโภค ผู้ขนส่ง หรือ ผู้ขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ยี่ปั้ว ซาปั้ว ซึ่งจะต้องถูกคำนึงอยู่เสมอในเรื่องของความปลอดภัยของอาหาร และ การลดความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของสาธารณชน
วัตถุประสงค์ด้านคุณภาพ (5.4.1)
ในการดำเนินระบบ ISO 9001:2000 อาจคิดดัชนีชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับ ความเสี่ยงต่างๆที่องค์กรมองว่า เป็นจุดที่สำคัญมากสำหรับความปลอดภัยของอาหาร
การวางแผนระบบบริหารคุณภาพ (5.4.2)การวางแผน การวิเคราะห์ HACCP โดยใช้สองหลักการแรกของระบบ HACCP คือ การวิเคราะห์อันตราย และ การระบุจุดวิกฤตที่จะต้องควบคุม สามารถแสดงขั้นตอนการทำงานดังกล่าวไว้ใน การวางแผนคุณภาพไปพร้อมๆกันเลย
การทบทวนโดยผู้บริหาร (5.6)
นอกเหนือไปจากหัวข้อที่ถูกกำหนดไว้เป็นจำนวนอย่างน้อยที่ต้องทำในการทบทวน โดยผู้บริหาร ตามระบบ ISO 9001:2000 แล้ว อาจจะมีการเพิ่มหัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวกับ HACCP โดยตรงก็ได้ เช่น การรายงานสภาวะสุขลักษณะ การรายงานข้อร้องเรียนจากลูกค้า เป็นต้น
การจัดสรรทรัพยากร (6.1)
ต้องทำการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีการกำหนดเรื่องของทรัพยากรในการดำเนินระบบ HACCP ไว้เพียงไร เช่น จำนวนบุคลากร เงินทุน หรือ เวลา
ความสามารถ ความตระหนัก และ การฝึกอบรม (6.2.2)
การ ฝึกอบรมจะเน้นความสำคัญกับบุคคลากรที่ทำงานในส่วนของการผลิตและตรวจสอบอาหาร ว่าได้รับการฝึกอบรม และ มีทักษะที่เพียงพอเกี่ยวกับเรื่องของ สุขอนามัยต่างๆ การประเมินผลทางประสาทสัมผัสและการวิเคราะห์ (Sensory Evaluation & Analysis) ทั้ง นี้รวมไปถึง การอบรมให้แต่ละบุคคลได้ทราบถึงเหตุและผลที่จะเกิดขึ้นจากความบกพร่องในการ ทำงานที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร เช่น การมีเชื้อแบคทีเรีย อาหารเน่าเสีย อาหารเป็นพิษ ต่างๆเป็นต้น
โครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (6.3, 6.4)
ใน อุตสาหกรรมอาหาร จะต้องคำนึงถึง ปัจจัยที่เกี่ยวกับการออกแบบ การดูแล อาคารสถานที่ รวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต และจัดเก็บ ที่ก่อให้เกิดความปลอดภัยกับอาหาร ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีความเกี่ยวข้องค่อนข้างมากกับเรื่องของ GMP เช่น สภาพแวดล้อม เครื่องมือ ระบบสาธารณูปโภค การสวมใส่อุปกรณ์ส่วนบุคคล การกำจัดกาก หรือ ขยะต่างๆ และ การควบคุมและกำจัดแมลง (pest control)

รายการอ้างอิง
  1. คำแปลถอดความ ข้อกำหนดระบบบริหารคุณภาพ ISO9001:2000 โดย ส่วนพัฒนาผลิตภัณฑ์และสนับสนุนเทคนิค ฝ่ายปรึกษาแนะนำ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ (ฉบับแก้ไขครั้งที่ 2; 1 กันยายน 2544)
  2. International Standard ISO 15161: Guidelines on the application of ISO 9001:2000 for the food and drink industry
  3. http://mfatix.com/home/node/144

Tuesday, March 7, 2017

เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ - น้ำมันสำหรับกระบวนการผลิต

เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ - น้ำมันสำหรับกระบวนการผลิต


เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ เป็นน้ำมันขาวด้านเทคนิคที่มีคุณภาพสูง ซึ่งใช้เทคโนโลยี Gas to Liquids (GTL) นำเสนอคุณประโยชน์ด้านประสิทธิภาพในระดับพิเศษ
เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ มอบประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในการใช้งานเฉพาะเนื่องจากไม่เหมือนน้ำมันอื่น ๆ โดยทำจากก๊าซสังเคราะห์บริสุทธิ์ จึงได้ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายมีโครงสร้างโมเลกุลโดดเด่น มีความบริสุทธิ์สูง และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานบางอย่าง









เชลล์ เทอร์โบ - น้ำมันหล่อลื่นเครื่องเทอร์ไบน์

เชลล์ เทอร์โบ - น้ำมันหล่อลื่นเครื่องเทอร์ไบน์


เชลล์พัฒนาน้ำมันเทอร์ไบน์หลากหลายประเภทที่ช่วยให้ผู้ใช้ เช่น บริษัทพลังงาน และผู้ประกอบการโรงงาน เลือกน้ำมันที่จะส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดในการดำเนินงาน ผ่านการปกป้องที่เหนือกว่า อายุการใช้งานน้ำมันที่ยาวนาน และประสิทธิภาพของระบบที่สูงขึ้น





เชลล์ มอร์ลิน่า - น้ำมันหล่อลื่นระบบหมุนเวียน และลูกปืน

เชลล์ มอร์ลิน่า - น้ำมันหล่อลื่นระบบหมุนเวียน และลูกปืน


ประสิทธิภาพของระบบหมุนเวียนและลูกปืนวัดจากสามารถในการทำงาน ณ จุดหรือเหนือกว่าที่ออกแบบไว้ กุญแจสำคัญคือการหล่อลื่นที่สม่ำเสมอ และต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด
เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของเครื่องจักรที่มีอยู่หลากหลาย เชลล์ได้ออกแบบกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันเพื่อให้คุณเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการทางเทคนิค และการดำเนินงานของคุณ




เชลล์ สไปเร็กซ์ - น้ำมันเกียร์ และเพลา

เชลล์ สไปเร็กซ์ - น้ำมันเกียร์ และเพลา


น้ำมันเชลล์ สไปเร็กซ์ ออกแบบมาเพื่อปกป้องส่วนประกอบของระบบส่งกำลัง และให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เชลล์ สไปเร็กซ์ เอส 6 เอเอ็กซ์เอ็มอี และเชลล์ สไปเร็กซ์ เอส 6 จีเอ็กซ์เอ็มอี มีคุณสมบัติลดแรงเสียดทานได้ดีและมีสภาพการไหลสูง จึงลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณประโยชน์ที่ผ่านการทดสอบภายในห้องปฏิบัติการที่เข้มงวด รวมทั้งการทดสอบการใช้งานภาคสนามกว่า 20 ล้านกิโลเมตร




เชลล์ ริมูล่า น้ำมันเครื่องสำหรับรถบรรทุกงานหนัก

เชลล์ ริมูล่า น้ำมันเครื่องสำหรับรถบรรทุกงานหนัก


เทคโนโลยีของเชลล์ ริมูล่า ป้องกันการสึกหรออย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยลดความหนืดเพื่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

SHELL RIMULA FUEL ECONOMY RANGE


SHELL RIMULA LOW EMISSIONS MULTI-GRADE RANGE


SHELL RIMULA ADVANCED MULTI-GRADE RANGE


SHELL RIMULA MONO-GRADE RANGE

น้ำมันหล่อลื่นชนิดต่างๆ

น้ำมันหล่อลื่นชนิดต่างๆ


มาค้นพบว่าการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมทำให้คุณประหยัดได้อย่างสำคัญ โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ ยืดอายุยานพาหนะ และลดการหยุดทำงานของเครื่องยนต์

เชลล์ อาร์จิน่า และกาดิเนีย - น้ำมันเครื่องยนต์สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

เชลล์ อาร์จิน่า ออกแบบมาเพื่อใช้กับเชื้อเพลิงหนัก (LSFO และ HSFO) เชลล์ กาดิเนีย ตอบสนองความต้องการในการเผาไหม้ของน้ำมันกลั่น และเชื้อเพลิงชีวภาพเหลวในเครื่องยนต์

เชลล์ คอรีน่า - น้ำมันหล่อลื่นเครื่องอัดอากาศ

น้ำมันหล่อลื่นเครื่องอัดอากาศ เชลล์ คอรีน่า ชนิดต่างๆ พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับเพิ่มมูลค่าการดำเนินงานของคุณอย่างสูงสุด ผ่านการป้องกันการสึกหรอที่เหนือกว่า อายุการใช้งานน้ำมันที่ยาวนาน และประสิทธิภาพของระบบที่สูงขึ้น

เชลล์ ไดเอล่า - น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า

น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า เชลล์ ไดเอล่า ทุกชนิดออกแบบมาสำหรับการถ่ายเทความร้อน และคุณสมบัติการเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม แม้ในอุณหภูมิต่ำที่สุดเมื่อเริ่มต้นทำงาน ทั้งสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

เชลล์ กาดัส - จาระบี

เชลล์ กาดัส ออกแบบมาเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการสึกหรอ อายุการใช้งานยาวนาน และระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

เชลล์ มอร์ลิน่า - น้ำมันหล่อลื่นระบบหมุนเวียน และลูกปืน

ระบบหมุนเวียน และลูกปืนที่มีประสิทธิภาพมีความสามารถในการทำงานที่เหนือกว่าพารามิเตอร์แบบเดิม กุญแจสำคัญคือการหล่อลื่นที่สม่ำเสมอ และต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด

เชลล์ ไมเซลล่า - น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ชนิดแก๊สติดตั้งอยู่กับที่

เชลล์ ไมเซลล่า ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ชนิดแก๊ส พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ควบคุมเครื่องมือเครื่องจักร โดยป้องกันการสึกหรอ อายุการใช้น้ำมันที่ยาวนาน และให้ประสิทธิภาพของระบบในระดับสูง

เชลล์ โอมาล่า - น้ำมันเกียร์

อายุการใช้งานน้ำมันที่ยาวนานขึ้น และลดการบำรุงรักษาเครื่องจักร ทำให้ปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด

เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ - น้ำมันสำหรับกระบวนการผลิต

เชลล์ ริเซลล่า เอ็กซ์ เป็นน้ำมันขาวด้านเทคนิคที่มีคุณภาพสูง ซึ่งใช้เทคโนโลยี Gas to Liquids (GTL) นำเสนอคุณประโยชน์ด้านประสิทธิภาพในระดับพิเศษ

เชลล์ สไปเร็กซ์ - น้ำมันเกียร์ และเพลา

น้ำมันเชลล์ สไปเร็กซ์ ออกแบบมาเพื่อปกป้องส่วนประกอบของระบบส่งกำลัง และให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เชลล์ เทลลัส - น้ำมันไฮดรอลิก

เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนด และการใช้งานเครื่องจักรไฮดรอลิกที่มีอยู่หลากหลาย เชลล์ออกแบบกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันที่คุณเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการทางเทคนิค และการดำเนินงาน

เชลล์ ทอนน่า - น้ำมันหล่อลื่นรางแท่น

เชลล์ ทอนน่า ชนิดต่างๆ ออกแบบมาเพื่อหล่อลื่นเครื่องจักรรางแท่น โต๊ะ และกลไกป้อน

เชลล์ เทอร์โบ - น้ำมันหล่อลื่นเครื่องเทอร์ไบน์

เชลล์พัฒนาน้ำมันเทอร์ไบน์หลากหลายประเภทที่ช่วยให้ผู้ใช้ เช่น บริษัทพลังงาน และผู้ประกอบการโรงงาน เลือกน้ำมันที่จะส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดในการดำเนินงาน ผ่านการปกป้องที่เหนือกว่า อายุการใช้งานน้ำมันที่ยาวนาน และประสิทธิภาพของระบบที่สูงขึ้น

Fuchs CASSIDA Brochure

https://www.topaz.ie/TOPAZ/media/Topaz/Commercial%20Lubricants/Commercial%20Lubricants%20Products/CASSIDA-BROCHURE-UK-March-2012.pdf